สาวกผู้ที่รักสุขภาพล้วนแล้วแต่ฉันหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาเพื่อกิน ที่เราเรียกว่า “ซุปเปอร์ฟู้ด” สิ่งนี้คืออาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายมาก วันนี้ผมจะมาแนะนำหนึ่งในซุปเปอร์ฟู้ดยอดฮิต ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อไม่นานมานี้สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ สิ่งนั้นก็คือ เมล็ดเจีย หรือ เมล็ดเซีย
หลายคนอาจจะไม่รู้จัก ธัญพืชนี้ดูเหมือนเม็ดแมงลักมากเลยทีเดียว วันนี้ผมจะมาว่าด้วยเรื่องของต้นกำเนิด คุณประโยชน์ที่มีมากมาย และข้อควรระวังเกี่ยวกับการกิน อีกทั้งยังบอกถึงความแตกต่างกับเม็ดแมงลักด้วย
เมล็ดเจียคืออะไร
เมล็ดเจียเป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเม็ดแมงลักมาก แต่ก็มีขนาดเล็กกว่ามากด้วย ถึงจะมีสีดำคล้ายกัน มีลักษณะรูปทรงเป็นรูปไข่ และมีให้เราเลือกด้วยกันมากมายหลากหลายสี มีทั้งแบบที่เป็นสีขาว สีดำ สีน้ำตาล สามารถกินได้โดยไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการแปรรูปใด ๆ มีรสชาติที่ค่อนข้างอ่อน วิธีการกินมักจะกินโดยการนำมาโรยอาหารต่าง ๆ หรือไม่ก็นำไปแช่น้ำเป็นเวลา 15 นาที คล้ายกับการกินเม็ดแมงลัก
เมล็ดเจีย กับ เม็ดแมงลัก
เมล็ดเจียกับเม็ดแมงลักเป็นพืชคนละชนิดกันอย่างแน่นอน เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน เมล็ดเจียเป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นกระเพรา หรือต้นมิ้นต์ มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก ยาวไปถึงประเทศกัวเตมาลา ไม่แปลกใจที่พืชทั้งสองชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายกัน และมักถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ
คุณประโยชน์ของเมล็ดเจีย
ธัญพืชชนิดนี้มีประโยชน์มากกว่าแค่ลดน้ำหนักมาก อย่างแรกเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ เพราะธัญพืชชนิดนี้มีปริมาณแคลเซียมมากกว่านมถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแคลเซียมเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และผลัดเซลล์ผิวของเราอีกด้วย
อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งช่วยในการปรับระดับฮอร์โมนของเรา มีไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 ที่ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ บำรุงผิวหนังและเส้นผม อีกทั้งยังลดอาการบวมจากโซเดียม เพราะมีโปแตสเซียมอยู่ในธัญพืชชนิดนี้มากกว่ากล้วยถึง 2 เท่า
และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก เนื่องจากธัญพืชชนิดนี้มีเส้นใหญ่มากถึง 11 กรัม และมีโปรตีนอยู่ที่ 4.4 กรัมในหนึ่งหน่วยบริโภค ดังนั้นจึงช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก ทำให้เราอิ่มนาน เนื่องจากธัญพืชชนิดนี้สามารถดูดซึมน้ำได้ถึง 10 เท่าของน้ำหนักตัวเอง คล้ายกับเม็ดแมงลัก
ธัญพืชชนิดนี้ยังดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากเป็นธัญพืชไม่ขัดสี จึงมีแนวโน้มที่จะมีคุณประโยชน์ และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วย ได้มีการทดลองให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้กินเมล็ดเจียเป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าช่วยลดระดับความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว และลดระดับของโปรตีนที่ตอบสนองต่อการอักเสบภายในของร่างกาย ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลต่อโรคหัวใจบางชนิดด้วย
ข้อควรรู้
ธัญพืชชนิดนี้มีข้อควรระวังในการกิน เพราะยังมีข้อมูลไม่มาก หรือยังไม่ได้รับการยืนยันว่าคนบางกลุ่มจะกินธัญพืชชนิดนี้ได้ อย่างเช่น กลุ่มผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ยังไม่มีการยืนยันว่าการใช้ธัญพืชชนิดนี้ระหว่างการตั้งครรภ์หรือการให้นมบุตรจากปลอดภัย หรือในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรหลีกเลี่ยงที่จะรับประทานในปริมาณที่มาก เนื่องจากในธัญพืชชนิดนี้มีกรดตัวหนึ่งที่เรียกว่า กรดอัลฟา ลิโนเลนิก ซึ่งกรดนี้จะไปเพิ่มอัตราความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ผู้ที่มีไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงก็ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากธัญพืชนี้อาจส่งผลให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเมล็ดเจียจะเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์สูง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถที่จะกินแทนข้าวได้ ยังไงร่างกายเราก็ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนอยู่ดี ใครไม่เคยลองอยากให้ลองดูครับ เพราะกินง่าย อร่อย แล้วยังทำให้เราอิ่มนานอีกด้วย
เครดิตภาพ
https://www.shutterstock.com/th/
https://www.shutterstock.com/th/